วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554

หัวงู โดย นางสิงห์ไฟ

         เมื่อชีวิตเข้าใกล้เลขสี่ แต่ไม่ได้เห็นชีวิต หรือใช้ชีวิตแบบคนเลขสี่ ที่เคยเห็นเป็นตัวอย่าง  มันก็เลยมีคำถามมากมาย เช่น  ทำไมยังไม่อ่านหนังสือธรรมะอีก ทำไมไม่ลงหลักปักฐานซะที ทำไมยังหลงรักคนไม่ยอมเลิกรา ฯลฯ
        เมื่อยังเด็ก เรามองคนอายุสามสิบแบบหนึ่ง สี่สิบนี่ไม่ต้องพูดถึง คุณเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเป็น  แม่คน แต่เรา        ไม่ได้เป็นแม่คน เพราะเราเลือกที่จะไม่เป็น เรายังไม่อ้วน เรามีความสุขกับการเดินทาง อ่านหนังสือ เจอผู้คนหน้าใหม่ หรือ hang out อยู่กับคนคอเดียวกันตามร้านกาแฟหรือร้านเบียร์
         สิ่งที่เป็นปัญหา อาจจะของคนอื่น ไม่ใช่เรา คงเป็นเรื่องหัวงู สมัยเป็นเด็ก รับไม่ได้เลยกับผู้ใหญ่หัวงู โดยเฉพาะผู้หญิงหัวงู พวกแม่ยก หรือกระทั่งกับสถานการณ์ที่ตัวเองถูก approach โดยผู้ชายอายุมากก็รับไม่ได้ รับไม่ได้ที่ถูกผู้ชาย   ที่หน้าตาคล้ายตาเราชวนไปกินข้าว และบอกว่าเราน่าสนใจ มันเสีย self ที่สุด
        เรื่องหัวงูเป็นประเด็นทางเพศสำหรับเราเป็นเวลาหลายปี โดยเฉพาะผู้ชายหัวงู ทำนองโคแก่กับหญ้าอ่อน แต่ก็แปลกที่เราไม่เคยคิดเลยเถิดถึงกรณีผู้หญิงหัวงูแบบนั้น เราแค่เห็นว่ามันเข้าใจไม่ได้ และมันไม่สมควรทำ แต่ไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์เชิงอำนาจ
         ตอนนี้อายุใกล้สี่สิบ พบว่าตัวเอง attracted to ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่า  ความสนใจนี้ นับวันจะเลยขอบเขตที่เราเคยอธิบายได้ คือแต่ก่อน หมายถึงเมื่อไม่นานมานี้ ที่เริ่มเห็นแบบแผน ทำความเข้าใจ และยอมรับ เราก็จะเข้าใจว่าเราสนใจ "หัว"ของเขามากกว่า คือชายหนุ่มเหล่านี้อายุน้อยกว่าเราก็จริง แต่ตราบใดที่คุยกันได้  สื่อสารกันได้ เรายอมรับนับถือกันตรงนี้  เรายอมรับกับการที่มันมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่าเรื่อง
เนื้อหนังมังสาร่างกายภายนอก เข้าทำนอง "ฉันรักหัวเขา"  แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว  เราเริ่มเห็นว่ากล้ามเนื้อของผู้ชายเป็น        สิ่งน่าสัมผัส อือ..เด็กคนนี้เซ็กซี่จังเลย มันเป็นเรื่องเนื้อหนังล้วนๆ ไม่มีหัวใจ หัวคิดเข้ามาเกี่ยวข้อง
       เรารู้สึกว่า เด็กผู้หญิงอายุสิบห้าคนนั้น ไม่เคยไปจากเราเลย เขาอยู่กับเราตลอดเวลา คอยมาล้อเลียนผู้หญิงวัยใกล้           สี่สิบเวลาที่เผลอ เธอไม่ยอมให้ผู้หญิงวัยสี่สิบมา take over ร่างกายนี้   ยิ่งไปกว่านั้น เรารู้สึกว่าร่างกายนี้เป็นบ้านของผู้หญิงหลายคนเหลือเกิน พวกหล่อนแชร์บ้านกัน บางทีก็ไม่ลงรอยกัน บางทีก็ยอมให้คนใดคนหนึ่งปกครอง แต่มัน              ไม่มีผู้ปกครองที่ชอบธรรมนะ ไม่มีใครเป็นเจ้าของบ้านอย่างแท้จริง หรือมีสิทธิขาด มันแปรไปตามสถานการณ์ สิ่งกระตุ้นและเงื่อนไขขณะหนึ่งๆของชีวิต มันสุดแสนจะสะท้อนประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม เพียงแต่ มันเป็นการชุมนุมและมีส่วนร่วมของ female selves ในตัวเรา 
          เรายังไม่แก่ซะหน่อย นาฬิกาที่ติดตัวมาแต่กำเนิดอาจจะซื่อตรงจริงที่จะบอกว่าสังขารร่วงเลยมาแล้วนะ แต่ความแก่คืออะไร คือร่างกายหรือ หรือคือสมอง หรือคือความเข้าใจโลก หรือคือความรู้สึกต่อสิ่งต่างๆ ใครเป็นคนบอกว่าคุณแก่ ขนาดนาฬิกาฉันเองมันบอก ฉันยังไม่อยากฟังเลย เพราะเรารู้ว่า นอกเหนือจากเซลล์แล้ว ชีวิตยังประกอบด้วยอื่นๆ อีกมากมาย..
       ถึงวัยนี้ เราพบว่าไม่ยากเลยที่จะเข้าใจบรรดาแม่ยกของพระเอกกรมศิลป์ หรือนักร้องลูกทุ่งบางคน ก็เด็กมันน่ารักนี่.. ( http://www.prachatai.com/column-archives/node/1367)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น