แบ่งเป็น 5 ประเภท คือ
๑. อุปมาโวหาร คือ การใช้ข้อความเปรียบเทียบให้เห็นภาพพจน์โดยใช้คำ เช่น ดัง เหมือน เช่น ดุจ คล้าย เป็นต้น
ตัวอย่าง
“ ปางพี่มาดสมานสุมาลย์สมร
ดังหมายดวงหมายเดือนดารากร
อันลอยพื้นอำพรพะโยมพราย “
( เพลงยาว โดย เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ )
๒. บรรยายโวหาร คือ การอธิบายเหตุการณ์ตามลำดับอย่างชัดเจน
ตัวอย่าง …การบรรยายเกาะแก้วพิสดารในเรื่องพระอภัยมณี
“ อันเกาะแก้วพิสดารสถานนี้ โภชนาสาลีก็มีถม
แต่คราวหลัวครั้งสมุทรโคดม มาสร้างสมสิกขาสมาทาน
เธอทำไร่ไว้ที่ริมภูเขาหลวง ครั้นแตกรวงออกมาเล่าเป็นข้าวสาร
ได้สืบพืชยืดอยู่แต่บูราณ คิดอ่านเอาเดียวมาเหลียวไป
( สุนทรภู่ )
๓. พรรณนาโวหาร คือ การให้รายละเอียดอย่างลึกซึ้งให้เห็นภาพ
ตัวอย่าง
“ ชั่วเหยี่ยวกระหยับปีกกลางเปลวแดด ร้อนที่แผดก็ผ่อนเพลาพระเวหา
พอใบไหวพลิกริกริกมา ก็รู้ว่าวันนี้มีลมวก
เพียงกระเพื่อมเลื่อมรับวับวับไหว ก็รู้ว่าน้ำใสใช่กระจก
เพียงแววตาคู่นั้นหวั่นสะทก ก็รู้ว่าในอกมีหัวใจ “
( เพียงความเคลื่อนไหว ของ เนาวรัตน์ พงศ์ไพบูลย์ )
๔. เทศนาโวหาร คือ การชี้แจงสั่งสอนประกอบด้วยเหตุผลสัจธรรมเพื่อโน้มน้าวใจผู้อ่าน ผู้ฟัง
ตัวอย่าง …โยคีสอนสุดสาครในเรื่องพระอภัยมณี
“ บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา
เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปจนบนบรรพต
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
อันเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน “
( สุนทรภู่ )
๕. สาธกโวหาร คือ การยกตัวอย่างประกอบ หรือกล่าวอ้างอิงในข้อความที่ผู้เขียนรจนา
อาจเป็นการกล่าวพาดพิงก็ได้ ด้วยคำที่ยกมาเป็นหลักธรรม ภาษิต คำพังเพย หรือตำนาน นิทาน เป็นต้น
ตัวอย่าง …โยคีเทศนาทหารทัพลังกาและเมืองผลึกในเรื่องพระอภัยมณี
“ คือรูปรสกลิ่นเสียงไม่เที่ยงแท้ ย่อมเฒ่าแก่เกิดโรคโศกสงสาร
ความตายหนึ่งพึงเห็นเป็นประธาน หวังนิพพานพ้นทุกข์สุขสบาย
( สุนทรภู่ )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น